สังเกตการสอน ณ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม

การศึกษาและการสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนให้ประโยชน์แก่ข้าพเจ้าดังนี้ 1. ทำให้ข้าพเจ้าได้ฝึกและเตรียมพร้อมความเป็นครู และได้เห็นตัวอย่างที่เป็นทั้งข้อดีและข้อเสีย และสามารถนำมาปรับใช้ในอนาคต 2. ทำให้ข้าพเจ้าได้เข้าใจและเรียนรู้พัฒนาการของเด็กได้ตามสภาพจริง 3. ทำให้ข้าพเจ้าได้เรียนรู้การเรียนการสอน ตลอดจนกิจกรรมที่จัดกับเด็กๆ ในแต่ละวัน 4. ทำให้ข้าพเจ้าเรียนรู้วิธีและเทคนิคต่างๆ เช่น เด็กๆไม่สนใจใ นการทำกิจกรรม ครูก็จะใช้น้ำเสียงที่ดังกว่าปกติ เด็กก็จะหันมาสนใจในกิจกรรมที่ทำอยู่

การออกสอนหน้าชั้นเรียน

การออกไปสอนหน้าชั้นเรียน โดยมีเพื่อน ๆ นักศึกษาเป็นนักเรียนชั้นอนุบาล 3 ค่ะ

สื่อคณิตศาสตร์

เป็นสื่อที่อาจารย์ให้นักศึกษาประดิษฐ์ขึ้นจากวัสดุเหลือใช้เพื่อใช้ในการนับเลข ในคณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัยค่ะ

วันพุธที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2553

บันทึกการเข้าเรียนวันที่ 28 มกราคม 2553






วันนี้อาจารย์ได้ตรวจงานของนักศึกษาที่ส่งงานในแต่ละกลุ่ม เรื่อง แผนการสอน



ซึ่งในแต่ละกลุ่มก็ได้เรื่องที่แตกต่างกัน เช่น เรื่องแมลง เรื่องดอกไม้ เป็นต้น



ซึ่งจากการดูงานของนักศึกษาในแต่ละกลุ่มอาจารย์ได้ให้นักศึกษาช่วยกันระดม



ความคิดเห็นเพิ่มเติม ในแต่ละกลุ่ม ซึ่งก็ได้ข้อเสนอแนะ และคำแนะนำต่างๆ



เพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไข ให้ได้เนื่อหาที่ครอบคลุม และสมบูรณ์

วันพฤหัสบดีที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2553

บันทึกการเข้าเรียน วันที่ 21 มกราคม 2553


ในการเรียนในคาบนี้ อาจารย์ ได้ตรวจงานของนักศึกษา

แต่เปิดได้แค่กลุ่มเดียว เนื่องจาก ไม่มีโปรแกรม จึงเปิดกลุ่มที่เหลือไม่ได้

อาจารย์ได้สอนเกี่ยวกับการเขียนแผนว่า ควรสอนอะไรกับเด็กอนุบาล 1,2,3

ซึ่งมีอายุและพัฒนาการที่ต่างกัน พร้อมยกตัวอย่างเนื้อหาที่เป็นตัวอย่างแก่นักศึกษา

และในการเขียนแผนควรสอดแทรกคณิตศาสตร์เข้าไปด้วย







บรรยากาศในการเรียน

วันนี้ได้กลับมาเรียนในห้องคิมพิวเตอร์ ทำให้เรามีสื่อในการหาข้อมูล

ถึงแม้วันนี้จะโดนดุ นิดหน่อย เนื่องจากนักศึกษาสนใจแต่คอมพิวเตอร์

แต่พอโดนดุนักศึกษา ก็หันมาตั้งใจเนื้อหาที่อาจารย์สอน

วันพุธที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2553

บันทึกการเข้าเรียน วันที่ 14 มกราคม 2553





จากการเรียนในคาบนี้ อาจารย์ได้สอนเกี่ยวกับการทำ MindMap
และอาจารย์ได้ให้นักศึกษาแสดงความคิดเห็นว่า ทำไมจึงต้องทำ MindMap
นักศึกษาแสดงความคิดเห็นเช่น ทำให้เราดึงส่วนย่อยของเรื่องนั้นๆมาแล้วดึงออกมา
ทำให้เห็นภาพรวมใหญ่

เนื้อหาที่เราเลือก ควรเลือกสิ่งที่ใกล้ตัวเด็กและมีผลต่อชีวิต เช่น
ประโยชน์ / โทษ

การจัดหาสื่อ สื่อที่ดีคือ สื่อที่เป็นของจริง

และอาจารย์ให้ส่งงานในคาบที่แล้ว ดิฉันได้เลือกทำเรื่อง หน่วยร่างกาย
*หน่วยร่างกาย
-อวัยวะ
ตา หู จมูก ปาก แขน ขา มือ เท้า

-ประโยชน์
ตาใช้ดู
หูใช้ฟัง
จมูกใช้ดมกลิ่น
ปากใช้พูด,กินอาหาร
เท้าใช้เดิน
มือใช้จับยกสิ่งของต่างๆ

*การทำความสะอาด
อาบน้ำ,ล้างหน้า
ตัดเล็บ
สระผม
แปรงฟัน

และอาจารย์ได้ให้คำแนะนำเพิ่มเติมกับดิฉันในหน่วยร่างกายเช่น
ควรเพิ่ม ลักษณะ เข้าไป เช่น
สีผิว
รูปร่าง
จำนวนของร่างกายที่เป็นจำนวนคู่/จำนวนคี่

บรรยากาศในการเรียน
ในการเรียนในคาบนี้ไม่ได้เรียนในห้องเดิม คือ ห้องคอมพิวเตอร์
ทำให้ดิฉันตั้งใจเรียนมากขึ้น อาจารย์ก็สอนการคิดเกี่ยวกับการทำมายแม๊ป
การคิดเนื้อหาให้หลากหลาย และอาจารย์ได้สั่งงานกลุ่มให้นักศึกษาทำ
มายแม๊ป และนำไปเขียนแผนการสอน ค่ะ

วันพฤหัสบดีที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2553

บันทึกการเข้าเรียนวันที่ 7 มกราคม 2553



วันนี้เป็นวันเปิดเรียนในปีแรกของปีเสือ คือ พ.ศ. 2553 หลังจากที่ไม่ได้เรียนอยู่หลายสัปดาห์

เนื่องจากตรงกับวันสอบกลางภาค และ วันหยุดปีใหม่

วันนี้อาจารย์จินตนา ได้สอน เนื้อหามากมาย ดิฉันพอสรุปได้ดังนี้

คำศัพท์ทางคณิตศาสตร์ที่เด็กๆ ควรทราบ เช่น

-ตัวเลข เช่น วันที่ เพื่อเด็กๆจะได้รู้ว่าวันนี้เป็นวันอะไร และเพื่อเป็นหลักฐานในการมาเรียนของเด็ก ๆ

วันเกิด อายุ เลขห้อง เช่น อนุบาล 2/2 เบอร์โทรศัพท์ เราอาจจะให้เด็กเขียนหรือบอกก็ได้



คณิตศาสตร์ที่ดีมีความสมดุลต่อไปนี้
-เน้นกระบวนการคิดและพัฒนาความคิดรวบยอด
-เน้นการเรียนรู้ภาษาและการใช้ภาษาที่สัมพันธ์กับกิจกรรม(ชีวิตประจำวันไม่ใช่การท่องจำ เช่น เช้า กลางวัน เย็น)
-แนะนำคำศัพท์ใหม่ๆ และลักษณะอย่างค่อยเป็นค่อยไป
-สร้างเสริมให้เด็กเกิดความเชื่อมั่นและค้นคว้าข้อมูลเพื่อให้ได้คำตอบ(ครูทำเป็นตัวอย่าง) ครูให้แรงเสริม
-ส่งเสริมให้เด็กเกิดการรับรู้ สามารถบรรยายและค้นคว้าเพิ่มเติม
-เน้นให้เด็กเกิดความคิดรวบยอดมีทักษะคิดศาสตร์ไปพร้อมๆกัน
-เปิดโอกาสให้เด็กได้ค้นคว้าสำรวจปฏิบัติ รู้จักตัดสินใจได้ด้วยตนเอง(ถ้าจัดกิจกรรมให้สอดคล้องจะเกิดประสิทธิภาพ)
หลักการสอนคณิตศาสตร์
ครูปฐมวัยที่ดีนอกจากเข้าใจพัฒนาการเด็ก ธรรมชาติการเรียนรู้ของเด็ก และขอบข่ายของหลักสูตรอย่างลึกซึ้งแล้ว ยังต้องเป็นผู้ที่รู้และเข้าใจหลักการสอนคณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัยอย่างดีด้วย
1. สอนให้สอดคล้องกับชีวิตประจำวัน ในชีวิตประจำวันเด็กมีอะไรบ้างในแต่ละวัน เช่น ให้เด็กรินนมครึ่งแก้ว
2. เปิดโอกาสให้เด็กได้รับประสบการณ์ที่ทำให้พบคำตอบด้วยตนเอง เช่น หน่วยกล้วย กล้วย 1 หวี มีกี่ลูกให้เด็กนับ และเด็กกัดกี่คำหมด
3. มีเป้าหมายและมีการวางแผนอย่างดี
4.เอาใจใส่ในเรื่องการเรียนรู้และลำดับขั้นของการพัฒนาความคิดรวบยอดของเด็ก
5.ใช้วิธีการจดบันทึกพฤติกรรมหรือระเบียบพฤติการณ์ เพื่อใช้ในการวางแผนกิจกรรม (ต้องไม่ใส่ความรูสึกของครูเข้าไป เช่น น้องบีบี เกิดสงสาร จึงแบ่งของให้เพื่อน
6. ใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ของเด็ก
7. รู้จักใช้สถานการณ์ขณะนั้นให้เกิดประโยชน์
8. ใช้วิธีการสอดแทรกกับชีวิตจริง เพื่อสอนความคิดรวบยอดที่ยากๆ
9. ใช้วิธีให้เด็กมีส่วนร่วมหรือปฏิบัติการจริงเกี่ยวกับตัวเลข
สำหรับบรรยากาศในการเรียนวันนี้
แอร์ในห้องแรงมาก และปรับอุณหภูมิไม่ได้ ทำให้หนาวมาก เน้นว่าหนาวมาก อาจารย์สอนเนื้อหาบวกกับการยกตัวอย่างเสริมเพื่อให้นักศึกษาเข้าใจมากขึ้น และอาจารย์ตั้งคำถามบางคำถามเพื่อนนักศึกษา รวมถึงตัวดิฉันไม่ตอบคำถาม สำหรับดิฉัน ดิฉันคิดไม่ออก แต่อาจารย์ก็ยกตัวอย่างต่างๆ จนดิฉันและเพื่อน ๆสามารถเข้าใจในการเรียนในคาบนี้ค่ะ

วันที่ 17 ธันวาคม 2552




อาจารย์ให้นักศึกษาสรุปเนื้อหาของแต่ละกลุ่มลงในบล๊อก
และให้นักศึกษาแต่ละคนไปศึกษาค้นคว้าของเพื่อนแต่ล่ะกลุ่ม
และร่วมกันแสดงความคิดเห็น

กลุ่มของดิฉัน สามารถ สรุปได้ดังนี้
จิตวิทยาการเรียนรู้
ความหมายของการเรียนรู้นักจิตวิทยาหลายท่านใ
ห้ความหมายของการเรียนรู้ไว้เช่นคิมเบิล (Kimble,1964)
"การเรียนรู้ เป็นการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างถาวรในพฤติกรรม
อันเป็นผลมาจากการฝึกที่ได้รับการเสริมแรง"ฮิลการ์ด และ เบาเวอร์
(Hilgard &Bower,1981 )"การเรียนรู้ เป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
อันเป็นผลมาจากประสบการณ์และการฝึก ทั้งนี้ไม่รวมถึงการเปลี่ยนแปลง
ของพฤติกรรมมที่มีการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการตอบสนอง
ตามสัญชาตญาณ ฤทธิ์ของยา หรือสารเคมี หรือปฏิกิริยาสะท้อน
ตามธรรมชาติของมนุษย์ประดินันท์ อุปรมัย
(2550, ชุดวิชาพื้นฐานการศึกษา(มนุษย์กับการเรียนรู้):นนทบุรี
, พิมพ์ครั้งที่ 15 ,หน้า 121)
"การเรียนรู้ คือการเปลี่ยนแปลงของบุคคลอันมีผล
มาจากการได้รับประสบการณ์ โดยการเปลี่ยนแปลงนั้น
เป็นเหตุทำให้บุคคลเผชิญสถานการณ์เดิมแตกต่างไปจากเดิม
" ประสบการณ์ที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมหมายถึง
ทั้งประสบการณ์ทางตรง และประสบการณ์ทางอ้อมประสบการณ์ทางตรง
คือ ประสบการณ์ที่บุคคลได้พบหรือสัมผัสด้วยตนเอง
เช่น เด็กเล็กๆที่ยังไม่เคยรู้จักหรือเรียนรู้คำว่า " ร้อน "
เวลาคลานเข้าไปใกล้กาน้ำร้อน แล้วผู้ใหญ่บอกว่าร้อน
และห้ามคลานเข้าไปหา เด็กย่อมไม่เข้าใจและ
คงคลานเข้าไปหาอยู่อีก จนกว่าจะได้ใช้มือหรืออวัยวะ
ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายไปสัมผัสกาน้ำร้อน
จึงจะรู้ว่ากาน้ำที่ว่าร้อนนั้นเป็นอย่างไร ต่อไปเมื่อเขาเห็นกาน้ำอีก
แล้วผู้ใหญ่บอกว่ากาน้ำนั้นร้อนเขาจะไม่คลานเข้าไปจับกาน้ำนั้น
เพราะเกิดการเรียนรู้คำว่า ร้อน ที่ผู้ใหญ่บอกแล้ว เช่นนี้กล่าวได้ว่า
เป็นประสบการณ์ตรง ผลทำให้เกิดการเรียนรู้เพราะมีการเปลี่ยนแปลง
ที่ทำให้เผชิญกับสถานการณ์เดิมแตกต่างไปจากเดิม
การมีประสบการณ์ตรงบางอย่างอาจทำให้บุคคลมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
แต่ไม่ถือว่าเป้นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
แต่ไม่ถือว่าเป็นการเรียนรู้ ได้แก่
1. พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงเนื่องจากฤทธิ์ยา หรือสิ่งเสพติดบางอย่าง
2. พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงเนื่องจากความเจ็บป่วยทางกายหรือทางใจ
3. พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงเนื่องจากความเหนื่อยล้าของร่างกาย
4. พฤติกรรมที่เกิดจากปฏิกิริยาสะท้อนต่างๆประสบการณ์ทางอ้อมคือ
ประสบการณ์ที่ผู้เรียนมอได้พบหรือสัมผัสด้วยตนเองโดยตรง
แต่อาจได้รับประสบการณ์ทางอ้อมจาก การอบรมสั้งสอนหรือการบอกเล่า
การอ่านหนังสือต่างงๆ และการรับรู้จากสื่อมวลชนต่างๆ
จุดมุ่งหมายของการเรียนรู้พฤติกรรมการเรียนรู้ตามจุดมุ่งหมายของ
นักการศึกษาซึ่งกำหนดโดยสรุป บลูม และคณะ (Bloom and Others)
มุ่งพัฒนาผู้เรียนใน 3 ด้าน ดังนี้1. ด้านพุทธิพิสัย (Cognitive Domain)
คือ ผลของการเรียนรู้ที่เป็นความสามารถทางสมอง
ครอบคลุมพฤติกรรมประเภท ความจำ ความเข้าใจ การนำไปใช้
การวิเคราะห์ การสังเคราะห์และการประเมินผล
2. ด้านเจตพิสัย (Affective Domain) คือ ผลของการเรียนรู้ที่
เปลี่ยนแปลงด้านความรู้สึก ครอบคลุมพฤติกรรมประเภท ความรู้สึก
ความสนใจ ทัศนคติ การประเมินค่า และค่านิยม
3. ด่นทักษะพิสัย(Psychomotor Domain) คือ
ผลของการเรียนรู้ที่เป็นความสามารถด้านการปฏิบัติครอบคลุม
พฤติกรรมประเภท การเคลื่นไหว การกระทำ การปฎิบัติงาน
การมีทักษะและความชำนาญองค์ประกอบสำคัญของการเรียนรู้ดอลลาร์ด
และมิลเลอร์(Dallard and Miller) เสนอว่าการเรียนรู้มีองค์ประกอบสำคัญ
4 ประการ คือ
1. แรงขับ (Drive) เป้ความต้องการที่เกิดขึ้นภายในตัวบุคคล
เป็นความพร้อมที่จะเรียนรู้ของบุคคลทั้งสมอง
ระบบประสาทสัมผัสและกล้ามเนื้อ
แรงขับและความพร้อมเหล่านี้จะก่อให้เกิดปฏิกิริยา
หรือพฤติกรรมที่จะชักนำไปสู่การเรียนรู้ต่อไป
2. สิ่งเร้า(Stimulus) เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในสถานการณ์ต่างๆ
ซึ่งเป็นตัวการที่ทำให้บุคคลมีปฏิกิริยาหรือพฤติกรรมตอบสนองออกมา
ในสภาพการเรียนการสอน สิ่งเร้าจะหมายถึง ครู กิจกรรมการสอน
และอุปกรณ์การสอนต่างๆ ที่ครูนำมาใช้
3. การตอบสนอง (Response) เป็นปฏิกิริยา
หรือพฤติกรรมต่างๆ ที่แสดงออกมาเมื่อบุคคล
ได้รับการกระตุ้นการรับรู้จากสิ่งเร้า ทั้งส่วนที่สังเกตเห็นได้
และส่วนที่ไม่สามารถสังเกตเห็นได้ เช่น การเคลื่อนไหว
ท่าทาง การพูด การคิด การรับรู้ ความสนใจ และความรู้สึก เป็นต้น
4. การเสริมแรง (Reinforcement) เป็นการให้สิ่งที่มีอิธิพลต่อบุคคลอัน
มีผลในการเพิ่มพลังให้เกิดการเชื่อมโยง
ระหว่างสิ่งเร้ากับการตอบสนองเพิ่มขึ้น การเริมแรงทางบวกและทางลบ
ซึ่งมีผลต่อการเรียนรู้ของบุคคลเป็นอันมาก